Popular Post

Archive for มิถุนายน 2013

ตอนที่6 สงครามโจรโพกผ้าเหลืองครั้งที่ 1

By : Unknown
ฝ่ายเตียวก๊กเมื่อจัดกองทัพห้าสิบหมื่นพร้อมแล้วก็ประกาศสงครามกู้ชาติ เพื่อปลดปล่อยประชาชนให้หลุดพ้นจากการกดขี่ข่มเหงรังแก และปล้นชิงวิ่งราวของขุนนางและข้าราชการ ให้เคลื่อนทัพเข้าโจมตีและยึดหัวเมืองทั้งแปด ซึ่งราษฎรนับถืออยู่แต่ก่อนแล้ว
เตียวก๊ก
            จากนั้นจึงเคลื่อนพลเข้าโจมตีหัวเมืองอื่นๆอีกหลายหัวเมือง ตัวเตียวก๊กเองนั้นคุมพลสิบห้าหมื่นเข้าโจมตีแล้วยึดเมืองจงก๋ง ซึ่งเป็นเมืองยุทธศาสตร์สำคัญในการบุกเข้ายึดเมืองหลวงต่อไป  
           
            ส่วนเตียวโป้และเตียวเหลียงยกไปตีเมืองเองฉวน ภายในเมืองได้ตั้งรับอย่างแข็งขัน เตียวโป้และเตียวเหลียงยึดเมืองไม่ได้ก็ตั้งค่ายรายล้อมเมืองไว้
การเคลื่อนทัพเข้าตีและยึดเมืองต่างๆของขบวนการกู้ชาติที่บัญชาการโดยเตียวก๊กครั้งนี้ เป็นไปโดยรวดเร็ว เนื่องจากหัวเมืองทั้งแปดมีราษฎรนิยมนับถือเตียวก๊กอยู่ก่อนแล้วถึงขนาดเขียนชื่อเตียวก๊กบูชาทุกบ้านเรือน ทั้งมีความเคียดแค้นชิงชังข้าราชการและขุนนาง ที่เอาแต่กดขี่ข่มเหงรังแกรีดนาทาเร้นราษฎร ดังนั้นชาวเมืองจึงพากันเข้าร่วมกับฝ่ายกู้ชาติ ซึ่งสามก๊กทุกฉบับระบุความตรงกันว่า ไม่มีราษฎรหลบหนีออกจากเมืองหรือก่อความวุ่นวายขึ้นแต่ประการใด


ฝ่ายกองทัพจากเมืองหลวงที่บัญชาการโดยแม่ทัพโลติดมีฮองฮูสงและจูฮีเป็นแม่ทัพรองและแม่ทัพหนุน พอทราบข่าวการสนับสนุนกำลังเพิ่มเติมจึงได้เคลื่อนกองทัพยกไปเป็นสามด้านพร้อมกัน มุ่งเข้าตีจุดยุทธศาสตร์คือเมืองจงก๋งและเมืองเองฉวนเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบให้ได้เสียก่อน

            ตัวโลติดคุมพลห้าหมื่นยกไปล้อมเมืองจงก๋งซึ่งเตียวก๊กได้ยึดไว้ ส่วนฮองฮูสงและจูฮีให้ยกไปเมืองเองฉวน และให้ตั้งค่ายไว้นอกเมืองยันทัพเตียวโป้และเตียวเหลียงไว้

เทียอ้วนจี้
ฝ่ายเทียอ้วนจี้ทหารเอกของฝ่ายกู้ชาติอีกคนหนึ่ง ได้นำทัพห้าหมื่นคนยกเข้าตีเมืองตุ้นก้วน เมื่อทัพเทียอ้วนจี้เคลื่อนไปถึงชายแดนเมืองตุ้นก้วน ความศึกทราบถึงเล่าเอี๋ยนเจ้าเมืองอิวจิ๋ว จึงสั่งให้เจาเจ้งนำกำลังพลห้าร้อยนายพร้อมเล่าปี่,กวนอู,เตียวหุยไปปราบโจร

กองทหารของเจาเจ้ง,เล่าปี่,กวนอู,เตียวหุย     แม้มีกำลังพลน้อยกว่าทัพของเทียอ้วนจี้หลายเท่านัก


แต่ด้วยฝีมือการรบของกวนอู และ เตียวหุยเหนือชั้นกว่ามาก ดังนั้นเมื่อเกิดปะทะกันขึ้นเทียอ้วนจี้ จึงถูกกวนอูใช้ง้าวฟันขาดเป็นสองท่อน ส่วนทหารเอกของเทียอ้วนจี้ชื่อเตงเมา ก็ถูกเตียวหุยใช้ทวนแทงถูกอกตกม้าตาย

เตงเมา
กองทัพฝ่ายกู้ชาติของเทียอ้วนจี้จึงแตกกระจายไปสิ้น เล่าปี่เห็นได้ทีจึงขับทหารไล่จับพวกโจรและเก็บอาวุธได้เป็นจำนวนมาก แล้วยกทหารกลับเมืองตุ้นก้วน

            ชัยชนะของเล่าปี่ครั้งนี้เป็นชัยชนะครั้งแรกของกองทัพฝ่ายเมืองหลวง       เล่าเอี๋ยนเจ้าเมืองรู้ข่าวก็มีความยินดีออกไปรับเล่าปี่ถึงประตูเมือง กลับเข้าเมืองแล้วก็ปูนบำเหน็จทหารตามสมควร

            เล่าปี่และทหารได้พักเพียงชั่วคืนเดียว รุ่งขึ้นเจ้าเมืองเฉงจิ๋วส่งม้าใช้ถือหนังสือมาถึงเจ้าเมืองตุ้นก้วนว่า โจรโพกผ้าเหลืองยกมาล้อมเมืองจึงขอทหารไปช่วย



            เล่าเอี๋ยนจึงส่งเจ้าเจ้งให้คุมทหารห้าพันยกไปเมืองเฉงจิ๋ว พร้อมกับเล่าปี่,กวนอู,เตียวหุย นับเป็นการออกรบครั้งที่สองของเล่าปี่ในศึกโจรโพกผ้าเหลือง

            ศึกครั้งนี้กำลังพลที่เดินทัพไปกับเล่าปี่มีมากกว่าศึกครั้งก่อนถึงสิบเท่าคือมีจำนวนถึงห้าพันนับเป็นการบัญชาการทหารครั้งแรกของเล่าปี่ที่มีกำลังพลมากขนาดนี้

            เมื่อทัพของเล่าปี่เคลื่อนไปใกล้เมืองเฉงจิ๋ว ก็ถูกกองทัพของฝ่ายกู้ชาติเข้าโจมตี เล่าปี่กำลังน้อยกว่าก็ถอยมาตั้งหลัก

            เล่าปี่เห็นว่ากำลังรบน้อยกว่ากันมาก จึงกำหนดกลศึกเพื่อเอาชนะ โดยให้กวนอูคุมทหารพันหนึ่งไปซุ่มอยู่ในเหลื่อมเขาซ้ายทาง ให้เตียวหุยคุมทหารพันหนึ่งไปซุ่มอยู่ในดงไม้ข้างขวาทาง กำหนดว่าถ้าได้ยินเสียงม้าล่อเมื่อใดให้กวนอู เตียวหุย ยกทหารตีกระหนาบเข้ามา กวนอู เตียวหุย ก็ยกทหารไปซุ่มอยู่ตามคำสั่ง


รุ่งขึ้นเล่าปี่กับเจาเจ้งก็ยกทหารผ่านไปทางที่กวนอู เตียวหุย ซุ่มอยู่นั้น รุดหน้าไปรบกับโจรโพกผ้าเหลือง เมื่อปะทะกันแล้วเล่าปี่ เจาเจ้งก็แกล้งถอยมาทางที่กวนอูเตียวหุยซุ่มอยู่นั้น

            ฝ่ายโจรโพกผ้าเหลืองได้ทีก็ไล่ตามตี มาถึงจุดซุ่มเล่าปี่ก็ให้ทหารตีม้าล่อขึ้นแล้วแปรขบวนทหารจากถอยเป็นหันกลับเข้าตี ในขณะที่กวนอูเตียวหุยได้ยินสัญญาณแล้วก็ยกทหารตีขนาบเข้ามา

            โจรโพกผ้าเหลืองถูกตีขนาบเข้ามาทั้งสามด้านก็ตกใจแตกตื่นเสียทีเพราะไม่รู้กำลังศึก   ทัพโจรโพกผ้าเหลืองจึงแตกพ่ายหนีเข้าไปใกล้กำแพงเมืองเฉงจิ๋ว เจ้าเมืองเฉงจิ๋วเห็นเป็นที่ก็ยกทหารตีกระทบเข้ามาเป็นสี่ด้าน ทหารโจรโพกผ้าเหลืองจึงระส่ำระสาย ถูกฆ่าฟันบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก และแตกหนีไปจนหมดสิ้น

            เจ้าเมืองเฉงจิ๋วทราบข่าวชัยจึงปูนบำเหน็จแก่เล่าปี่และทหารตามสมควร แต่หาได้ชักชวนให้เล่าปี่รับราชการหรืออยู่ช่วยเหลือต่อไปไม่ ดูไปแล้วเล่าปี่ช่างอาภัพนักเพราะแม้จะมีฝีมือและผลงานปรากฏแต่กลับไม่มีใครเห็นคุณค่า

            เสร็จศึกแล้วเจาเจ้งจึงแจ้งแก่เล่าปี่ว่าจะยกทหารกลับเมืองตุ้นก้วน เล่าปี่ก็เคว้งเพราะจะกลายเป็นคนตกงานอีกครั้งหนึ่ง แต่โชคยังดีที่เล่าปี่ได้ข่าวว่าแม่ทัพโลติดเพื่อนร่วมสำนักได้เป็นใหญ่ในราชการ ดำรงตำแหน่งที่แม่ทัพปราบขบวนการกู้ชาติและล้อมข้าศึกไว้ที่เมืองจงก๋ง เล่าปี่จึงขอทหารเจาเจ้งเพื่อไปช่วยแม่ทัพโลติด เจาเจ้งตัดใจให้ทหารเล่าปี่ไปห้าร้อยคนแล้วยกกำลังที่เหลือกลับเมืองตุ้นก้วน


เล่าปี่ กวนอู เตียวหุยคุมทหารห้าร้อยนายตรงไปเมืองจงก๋ง แล้วชวนกันเข้าพบแม่ทัพโลติดซึ่งเป็นแม่ทัพฝ่ายเมืองหลวง รายงานการศึกที่ผ่านมาให้แม่ทัพโลติดรับทราบ แม่ทัพโลติดได้พบหน้าเล่าปี่เพื่อนร่วมสำนัก และรับทราบความศึกแล้วมีความยินดีเป็นอันมาก จึงชวนให้เล่าปี่ กวนอู เตียวหุยว่ามา “อยู่ทำราชการด้วยเราเถิด

            เล่าปี่ กวนอู เตียวหุยรับคำเชิญของแม่ทัพโลติดแล้วเริ่มชีวิตข้าราชการทหารตั้งแต่บัดนั้น แต่ทั้งนี้ความเป็นข้าราชการดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าเป็นทหารหลวงเพราะฮ่องเต้ไม่ได้รับรู้ด้วย ดังนั้นจึงมีฐานะเป็นเพียงทหารในสังกัดของแม่ทัพโลติดเท่านั้น

            แม่ทัพโลติดเห็นว่ากำลังพลที่มีอยู่สามารถยันทัพของเตียวก๊กได้ แต่ให้รู้สึกห่วงใยกองทัพของฮองฮูสงและจูฮี ซึ่งเป็นน้ำใจที่ดีงามของคนระดับแม่ทัพผู้นี้ที่ไม่คิดแต่จะเอาตัวรอด หรือคิดสร้างผลงานเฉพาะตน แม้หน้าศึกที่เผชิญอยู่กับความเป็นตายยังสู้มีใจห่วงหาอาทรผู้ใต้บังคับบัญชาและการใหญ่ของบ้านเมือง จึงจัดทหารพันหนึ่งให้เล่าปี่รีบยกไปช่วยฮองฮูสงและจูฮีที่ยันทัพเตียวโป้และเตียวเหลียงอยู่ที่เมืองเองฉวนโดยให้เดินทางทั้งกลางวันและกลางคืน

            ฝ่ายทัพเตียวโป้และเตียวเหลียงซึ่งตั้งยันอยู่กับทัพของฮองฮูสงและจูฮีนั้น ปะทะกันหลายครั้งยังไม่แพ้ชนะกัน ดังนั้นเตียวโป้และเตียวเหลียงจึงวางแผนเผด็จศึกด้วยวิธีการผูกพยนต์ ใช้วิทยาคมที่เตียวก๊กได้ร่ำเรียนมาจากตำราของเทพยดา เตรียมปลุกเสกหุ่นฟางให้เป็นทหารเพื่อรบกับฮองฮูสงและจูฮี

            แต่ในขณะที่เตียวโป้ เตียวเหลียงเตรียมฟางไว้เป็นจำนวนมากเพื่อผูกเป็นหุ้นนั้น ข่าวทราบถึงฮองฮูสงและจูฮี ที่ถึงแม้จะไม่รู้ความนัยว่ากองทัพโจรโพกผ้าเหลืองเตรียมฟางไว้จำนวนมากเพื่อการใด แต่เห็นช่องทางที่จะทำลายกองทัพโจรเสียด้วยเพลิง



ในคืนนั้นเพลาสองยามเกิดลมพายุใหญ่พัดหนัก ฮองฮูสงและจูฮีจึงให้ทหารเข้าปล้นค่ายเตียวโป้ เตียวเหลียงพร้อมกัน ใช้เพลิงเผาค่ายโจรโพกผ้าเหลืองจนแสงเพลิงโชติช่วงสว่างดุจกลางวัน ทหารเตียวโป้ เตียวเหลียงไม่ทันรู้ตัวว่าถูกโจมตีก็ตกใจไม่ทันใส่เกราะผูกอานม้าก็แตกกระจายหนีเพลิงกันวุ่นวาย ทหารของฮองฮูสงและจูฮีจึงได้ไล่ฟันแทงพวกโจรล้มตายเป็นอันมาก

            เตียวโป้ เตียวเหลียงนำทหารที่แตกทัพรุดหนีไปทั้งคืน จนรุ่งเช้าก็ปะทะเข้ากับกองทหารซึ่งใช้ธงแดงเป็นสัญลักษณ์ทั้งกองทัพ นั่นคือกองทัพของโจโฉซึ่งเป็นกองทัพเสริมมาจากเมืองหลวง และเคลื่อนมาทางเมืองเองฉวนเพื่อสมทบกับทัพของฮองฮูสงและจูฮี

            โจโฉเห็นโจรโพกผ้าเหลืองแตกทัพมาก็สั่งทหารให้เข้าตีสกัดไว้ สังหารทหารเตียวโป้ เตียวเหลียงเสียหมื่นเศษได้ม้าและศาตราวุธเป็นจำนวนมาก แต่เตียวโป้  เตียวเหลียงนั้นนำทหารที่เหลือหนีไปได้

โจโฉ
โจโฉนำชัยชนะจากการตีทัพเตียวโป้เตียวเหลียงซึ่งแตกทัพไปจากเมืองเองฉวนเข้ารายงานให้ฮองฮูสงและจูฮีทราบ แล้วขอนำทหารยกตามไปตีเตียวโป้  เตียวเหลียงต่อไป

            ฝ่ายเล่าปี่ซึ่งรับคำสั่งแม่ทัพโลติดให้ยกทหารมาเมืองเองฉวน  ช่วยฮองฮูสงและจูฮีนั้น เมื่อเคลื่อนทัพมาใกล้ถึงเมืองเองฉวนเห็นแสงเพลิงที่ฮองฮูสงและจูฮีเผาค่ายของเตียวโป้ เตียวเหลียงจึงเร่งทหารรีบไปช่วย พอดีทัพเตียวโป้ เตียวเหลียงแตกพ่ายไปแล้ว เล่าปี่จึงเข้าไปรายงานต่อฮองฮูสงและจูฮีว่าแม่ทัพโลติดให้ยกทหารมาช่วย

            ฮองฮูสงและจูฮีทราบความก็ขอบใจโลติดและเล่าปี่ แล้วว่าเตียวโป้ เตียวเหลียงแตกไปครั้งนี้การศึกเห็นจะเสร็จสิ้นไปโดยเร็ว เพราะคาดหมายว่าเมื่อแตกหนีไปแล้วเตียวโป้ เตียวเหลียงจะยกทหารไปสมทบกับเตียวก๊กที่เมืองจงก๋ง จึงให้เล่าปี่ยกทหารรีบตามไปสกัดไม่ให้เตียวโป้ เตียวเหลียงไปบรรจบทัพกับเตียวก๊กได้สำเร็จ ฝ่ายเมืองหลวงก็จะได้ชัยชนะโดยเด็ดขาด

การที่เจ้าเมืองและแม่ทัพต่างๆใช้ให้เล่าปี่ไปรบศึกไม่หยุดหย่อน ให้ไปช่วยคนโน้นให้ไปช่วยคนนี้ดูไปแล้วคล้ายๆจะเป็นการผลักไสอยู่ในที เหตุทั้งนี้ย่อมมีประวัติศาสตร์ของมันอยู่ เพราะเล่าปี่นั้นเป็นเชื้อพระวงศ์ของพระเจ้าฮั่นโกโจในสายของพระเจ้าฮั่นเกงเต้ หลานของพระเจ้าฮั่นเกงเต้ผู้หนึ่งได้รับพระราชทานศักดิ์เป็น อ๋อง เทียบชั้นเจ้าพระยาครองเมืองต๊กกุ๋น แต่ขาดส่งส่วยประจำปีให้แก่ราชสำนัก จึงถูกถอดออกจากศักดิ์และตำแหน่งลงเป็นคนสามัญ


ตราบาปนี้จึงตกทอดมาถึงปู่ พ่อและถึงตัวเล่าปี่ด้วย ทำให้ขุนนางและข้าราชการไม่กล้าข้องแวะคบหาสมาคมเพราะกลัวว่าจะเป็นที่หวาดระแวงของราชสำนัก ดังนั้นเจ้าเมืองและแม่ทัพต่าง ๆ จึงหาเหตุผลักไสไล่ส่งเล่าปี่โดยทำทีใช้ให้ไปราชการไม่หยุดหย่อน


เนื้อเรื่องบางส่วนจาก

สามก๊กฉบับคนขายชาติ






- Copyright © Paradise Cruise - Date A Live - Powered by Blogger - Designed by Johanes Djogan -